03 ธันวาคม 2551
บิดเบือนได้ดีจริงๆ
ได้เข้าไปอ่านบทความความในเว็บบล็อกของผู้บูชาลัทธิแมวไม้โทมาบล็อกหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นบทความที่โจมตีพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยและเชิดชูรัฐบาล เราก็ชอบอ่านนะ อ่านเพื่อให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้ขบวนการขายชาติใช้ยุทธวิธีใดในการหาแนวร่วมบ้างอีกทั้งไอพีของเรามันต่างประเทสเลยเข้าได้หลายเว็บหลายบล็อกที่ทางไทยเข้าไม่ได้ ได้เห็นความร้ายกาจของพลพรรคเหล่านี้แล้วสลดใจจริงๆ นึกถึงเพลงหนักแผ่นดินที่เคยฟังตอนเป็นเด็กขึ้นมาทันที หลายเรื่องราว หลายภาพที่พวกนี้พยายามเผยแพร่ ดูแล้วก็รู้ว่าเป็นภาพตัดต่อแต่พวกต่างชาติที่ไม่ได้รู้จักประเทศไทยดีพอก็คงเชื่อตามที่พวกหนักแผ่นดินปั้นแต่งไว้เป็นแน่ ฉันเองได้ไปอ่านในบล็อกมัลติพลายของผู้เชิดชูแมวไม้โท เจอบทความที่กล่าวหาว่าพันธมิตรที่บาดเจ็บเสียชีวิตจากเหตุการณ์ 7 ตุลา นั้น เกิดจากระเบิดของฝ่ายพันธมิตรด้วยกันเอง เท่านั้นยังไม่พอ ยัมีผู้เข้ามาโพสต์สนับสนุนให้การกล่าวโทษไปที่ระเบิดปิงปองให้น้ำหนักดูน่าเชื่อถืออีกต่างหาก ถ้าฉันไม่เคยทำระเบิดปิงปอง และไม่เคยโดนฤทธิ์ของระเบิดปิงปองกับตัวเองฉันคงเชื่อละนะว่าระเบิดปิงปองมันมีอานุภาพขนาดทำให้คนตายและแขนขาขาดได้ นี่ถ้า พวกเด็กช่างกลสมัยก่อนได้อ่านแล้วนี่คงหัวเราะกลิ้งแน่ๆ
replywelovethaksin wrote on Oct 24
พันธมิตร แฉหมดเปลือก เรื่อง ระเบิดปิงปอง
วันอาทิตย์, ตุลาคม 12, 2008
การ์ดพันธมิตรแฉหมดเปลือก ระเบิดปิงปองคือสาเหตุที่ทำให้แขนขาขาด
ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 ตุลาคม 2551
แกนนำสั่งให้ฝากระเบิดปิงปองไว้กับผู้ชุมนุม วางแผนเตรียมไว้ใช้เพื่อทะลวงประตูทำเนียบบุกจับตัวคณะรัฐบาล แต่เสียแผนซะก่อนเพราะตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ทำให้ผู้ชุมนุมแตกฮือและมองไม่เห็น ระเบิดจึงระเบิดฉีกร่างและอวัยวะของพธม.โดยไม่ตั้งใจ วอนแกนนำ อย่าใช้ระเบิดอีกเพราะอันตรายมาก
การ์ดอาสาพันธมิตรฯ ใช้นามแฝงว่า "ตาลโตน" เปิดเผยผ่านเว็บไซต์พันทิปหมดเปลือก ถึงสาเหตุของระเบิดที่เกิดขึ้นขณะที่ตำรวจกำลังสลายการชุมนุมด้วยการยิงแก๊สน้ำตาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. โดยกล่าวว่าตนเองเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ และได้ไปร่วมชุมนุมในวันที่ 7 ต.ค.ด้วย
"ผมเจ้าของกระทู้ ยอมรับว่าเป็นผู้หนึ่งที่เข้าร่วมกับ พธม.และได้ไปบุกกับเขาในวันที่ 7 แต่อยู่ด้านหลัง ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยอยู่ด้านหน้า ตอนนี้นอนอยู่บ้าน หลังออกจากโรงพยาบาลจุฬาฯเมื่อวันศุกร์ เพราะวิ่งหนีแก๊สน้ำตาตำรวจ และวิ่งไปเตะระเบิดปิงปองที่การ์ดทำหล่นไว้ที่พื้น นิ้วเท้าขาดไป 3 นิ้ว ขนาดใส่รองเท้าหนังหุ้มข้อ"
"เขาเล่าให้ฟังว่าได้เห็นการ์ดอาสาใส่ไว้ในกระเป๋าคาดเอว ตอนบุกปะทะตำรวจก็ควักขึ้นมา แต่พอโดนแก๊สน้ำตา มันแสบตามาก เพราะไม่มีแว่นตา ช่วงนั้นชุลมุน บางคนก็ปล่อยลงพื้น บางคนก็ขว้างไปแบบไม่รู้ทิศทาง บางลูกหล่นโดนเท้ากันเอง บางลูกไม่ระเบิดก็มีคนมาเหยียบ เท้าแหลก มีแต่เสียงระเบิดและเสียงร้องระงม เขาได้รับการช่วยเหลือ มารู้ทีหลังว่ามีน้องผู้หญิงคนหนึ่งล้มทับระเบิดในกระเป๋าหนีบ เขาเสียใจมาก แต่มีคนของ พธม.มาเยี่ยมและสัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือ 5 พันบาท และขอร้องแกมบังคับไม่ให้เล่าเหตุการณ์ให้ใครฟัง มิฉะนั้นเดือดร้อนทั้งครอบครัวแน่ พร้อมทั้งจดชื่อที่อยู่และขอเสื้อผ้าที่สวมวันเกิดเหตุไปหมด"
"เพื่อนมันกลัวมากเลยขอออกจากโรงบาลก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับเงิน 5 พัน โทรบอกให้ผมเอาเสื้อผ้าไปให้มัน เรามาปรึกษากันเมื่อเย็น เพราะมีเพื่อนอีกกลุ่มในกองทัพธรรมเรื่องแจกระเบิดรุ่นใหม่ในวันที่ 13 เลยเป็นห่วงเพื่อนๆ ที่ยังอยู่ในทำเนียบ และเราสองคนสัญญาว่า เราจะไม่เข้าร่วมกับ พธม. PAD อีกแล้ว เพราะเข็ดกับเหตุการณ์วันที่ 7 จริงๆ นึกไม่ถึงว่าอานุภาพจะร้ายแรงขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าแค่เสียงดังแบบประทัด ที่ไหนได้ รุนแรงมากๆครับ อยากฝากให้เพื่อนๆบอกต่อด้วยครับ อย่าใกล้วัตถุกลมสีดำมัน อย่านำใส่กระเป๋าเด็ดขาด"
เตือนเพื่อนผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ อย่ารับฝากอะไรจากการ์ดโดยเด็ดขาด
คุณ ตาลโตน ยังได้กล่าวเตือนต่ออีกว่า อย่ารับฝากอะไรจากใครในการเข้าร่วมชุมนุม พร้อมเปิดเผยยุทธวิธีของพันธมิตรฯหมดเปลือก
"ขอฝากต่อจากกระทู้ข้างล่างที่โพสต์เมื่อตอนดึก เช้านี้คงมี Y.Pad มาอ่านกันก็เตือนอีกครั้ง อย่ารับฝากวัตถุใดๆ จากการ์ดอาสา ทางที่ดีอย่าอยู้ด้านหน้า เช้านี้จะขอเล่าเหตุการณ์ที่ประสพมาเอง จริงๆแล้วไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์วันที่ 7 แต่เป็นเพราะอุบัติเหตุด้วยความไม่ตั้งใจ จุดหมายที่วางไว้คือให้ผู้หญิง คนแก่ และเด็กเป็นแถวหน้า การ์ดบางส่วนปะปนประกบไป เรียกไม้ 1+3 การ์ดอาสาตามหลังเรียกไม้ 2 มีป้ายฟ้าและผ้าพันคอเหลือง พวกนี้จะมีระเบิดปิงปองใส่กระเป๋าคาดเอวและถุงย่ามหูสั้นคล้องไหล่หนีบรักแร้ใส่ระเบิดปิงปอง"
"การ์ดไม้ 3 คือพวกผ้าพันคอขาว มีเหล็กแป๊ป ไม้คมแฝก ให้ทั้งหมดนั่งรอหน้ารัฐสภารอให้คณะรัฐบาลเข้าสภาจนหมดจึงเคลื่อนม็อบไม้ 1 ยันประชิดกำแพงโล่ ให้การ์ดฟ้าเหลืองไม้ 2 ใช้ระเบิดปิงปองที่มีแต่เสียงไม่อันตราย โยนเข้ากลุ่มตำรวจเพื่อเปิดทางกำแพงโล่ ให้ผู้หญิง เด็ก คนชรา ขยายปีกซ้ายขวา กันตำรวจ การ์ดไม้ 3 จะบุกทะลวงกลางเข้าจับตัวคณะรัฐบาลแล้วให้รอคำสั่งจากแกนนำ ทำเพื่อยั่วยุให้ทหารออกมาปฏิวัติ มิได้คิดฆ่าใครทั้งสิ้น แต่เหตุการณ์พลิกผันไม่เป็นไปตามแผน"
"ขณะที่ม๊อบ 1+3 กำลังรุกเข้า ยังไม่ทันใกล้กำแพงโล่ ตำรวจดันยิงแก๊สน้ำตาเข้ามา ทำให้กลุ่มไม้ 1+3 สำลักควันแสบตาถอยกลับอย่างเร็ว ช่วงนั้นทำให้การ์ดไม้ 2 ที่กำระเบิดเตรียมขว้างถอยไม่ทัน ชุลมุนดันกันล้มลงเหยียบกันมั่วไปหมด ทำให้ระเบิดปิงปองระเบิดพร้อมกัน เสียงร้องระงม บางคนก็พยายามโยนระเบิดออก บางคนก็ตะโกนให้กำไว้อย่าโยนพวกเราจะเหยียบกันเอง อย่าโยนๆ"
"นี่แหละคือที่มาของมือเท้าขาดบาดเจ็บล้มตาย ตำรวจก็ไม่รู้ว่าเรามีระเบิดปิงปอง เราก็ไม่รู้ว่าตำรวจจะกล้ายิงแก๊สน้ำตา เพราะแกนนำก็บอกแล้วว่ารัฐบาลไม่กล้าใช้ความรุนแรงเหมือนตอนนายกฯสมัคร แต่เหตุการณ์พลิกผันเป็นอุบัติเหตุ ส่วนใครผิดถูกก็เชิญท่านตัดสินกันเอง แต่วิงวอนวันที่ 13 นี้อย่าใช้ระเบิดอีกเลย ฝากถึงY.Pad ทุกคนให้ระวังตัวด้วยครับ.....อย่าอยู่หน้า ให้อยู่แนวหลังหรือทางที่ดีบอกปัดพี่ๆ หัวหน้ากลุ่มไปเลยว่า ติดงาน ไม่สบายจะไม่เสียน้ำใจ..."
"อยากเตือนก่อนเพราะป่านนี้ตำรวจและสื่อยังไม่กล้าออกมาบอกความจริงอะไรเลย มีแต่บอกว่ามันเป็นพวงกุญแจ หรือกรอบพระเครื่อง น้องบางคนอาจเข้าใจผิดนำมาใกล้ตัวไม่ระวังอาจมีเหตุการณ์แบบเดิมอีก...เป็นห่วงครับ."
อ่านแล้วขำจริงๆฟ่ะ ระเบิดปิงปองทำให้คนมือเท้าขาดบาดเจ็บล้มตายได้ 5555 ทำระเบิดเพลิงยังง่ายและได้ผลดีกว่าระเบิดปิงปองซะอีก
19 ตุลาคม 2551
ปัจจุบัน ๑ ใน ๓ ของเด็กและสตรีโดนทำทารุณกรรม โดยการทุบตี ล่อลวงหรือล่วงละเมิด
ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
ยิ่งไปกว่านี้ เหยื่อผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่ไม่ได้ดำเนินการเอาเรื่องกับผู้กระทำ เนื่องจากหวาดกลัวการถูกซ้ำเติม และเกรงสังคมจะตราหน้าให้อับอาย
ขอเชิญร่วมลงชื่อเพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนการยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และร่วมรณรงค์ให้วาระนี้เป็นวาระเร่งด่วนของประชาคมโลก
ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันสากลแห่งการยุติความรุนแรงต่อสตรี กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเฟม จะมอบลายเซ็นต์ของท่านให้เลขาธิการสหประชาชาติบัน คี-มุน
อันเป็นการแสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของทุกท่านในการต่อต้านความรุนแรง
"หนึ่งเสียงของท่านช่วยยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง" http://www.novaw.in.th/
08 ตุลาคม 2551
นายแสบที่รักของฉัน
Windows Live Spaces นายแสบของฉันนอกจากจะโตวันโตคืนแล้ว พ่อคุ้ณณณ ยังซนเหนือเมฆอีกด้วย ยิ่งตอนนี้คลานได้แล้วนี่ยิ่งแสบบบบ เห็นแม่นั่งหน้าคอมพ์นานเป็นไม่ได้ ต้องคลานมาปิดเครื่องทุกที แถมเผลอดให้คลาดสายตาเป็นไม่ได้ ปีนค่ะปีน ชอบนักเชียวปีนป่ายนี่ ยิ่งบันไดนี่ตัวแสบยิ่งชอบแล้วพ่อคุณคลานเร็วมากขนาดตาชัยชนะคุณสามีสุดที่รักนี่ยังออกปากเลยว่าลูกเร็วเหมือนกระต่าย เฮ้อออ นี่ถ้าเดินได้จะขนาดไหนเนี่ยยยนายเหนือเมฆของช้านนน
ป้ายกำกับ:
บันทึกถึงเจ้าตัวกลมแก้มป่อง
25 มิถุนายน 2551
15 มิถุนายน 2551
หลงรักนายตัวร้าย
ไม่เข้าใจเร้ยยยย แม่นกสีฟ้าก็ตัวเล็กนิดเดียว แต่ทามท้าย ทามมาย นายเหนือเมฆลูกช้าน ถึงได้กลมตุ้ยนุ้ยได้ฟะ แถมอ้อล้อสุดๆ เหอ เหอ เหอ พอได้40วันเนี่ย ตามธรรมเนียมเค้าต้องพาเด็กไปโบสถ์ ให้บาทหลวงหรือที่กรีซนี่เรียกปาป้าน่ะนะ ทำพิธี ประมาณว่าต้อนรับเด็กใหม่มั้ง ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน หลังจากวันนั้น พ่อคู้นนนน ชอบเชียวล่ะออกนอกบ้านนี่น่ะ ถ้าวันไหนไม่พาออกไปเดินแม่ต้องอุ้มแล้วทำตัวเป็นม้าโยกเยกให้เมฆได้หัวเราะนั่นแหละ แต่ก็ดีนะ แค่2เดือน พุงย้วยๆของแม่นกสีฟ้าก็หายไปจนเอวเหลือแค่22เหมือนเดิม อันนี้ต้องยกความดีให้เมฆนะเนี่ย แล้วก็ต้องขอบคุณดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนจนถึงขนาดหิมะตกด้วย
แหละแม่เลยบพาเมฆออกนอกบ้านไม่ได้ แต่หลังจากนั้นสิ อากาศดีตลอดเนี่ย เมฆก็มองประตูแล้วทำท่าฟาดแขนฟาดขาด๊อดแด๊กๆ ปากก็ยิ้มประมาณว่าแม่ค๊าบบบ อากาศดีๆแบบนี่เราไปเดินเที่ยวกันเถอะ แม่นกสีฟ้าก้โรคใจอ่อนด้วย เห็นท่าดีใจของลุกอ่ะเป็นต้องตามใจ โดยมีพ่อเมฆหนับหนุนๆให้พาลูกออกข้างนอก บอกให้ลูกโดนแดดมั่งจะได้กระดูกแข็งแรง เอ้าเดินก็เดินฟะ เพื่อลูก แหมถ้าทางเดินชมวิวบ้านฉันมันราบตลอดก็คงดีอ่ะนะ แต่นี่บ้านฉันมางอยู่บนเขาน่ะดิ ทางเดินก็เลยขึ้นลงตลอดบางช่วงก้เป็นบันได บางช่วงก็ลาดชัน เหอ เหอ เหอ แม่นกจะผอมกว่าเก่ามั๊ยเนี่ยยยย
แหละแม่เลยบพาเมฆออกนอกบ้านไม่ได้ แต่หลังจากนั้นสิ อากาศดีตลอดเนี่ย เมฆก็มองประตูแล้วทำท่าฟาดแขนฟาดขาด๊อดแด๊กๆ ปากก็ยิ้มประมาณว่าแม่ค๊าบบบ อากาศดีๆแบบนี่เราไปเดินเที่ยวกันเถอะ แม่นกสีฟ้าก้โรคใจอ่อนด้วย เห็นท่าดีใจของลุกอ่ะเป็นต้องตามใจ โดยมีพ่อเมฆหนับหนุนๆให้พาลูกออกข้างนอก บอกให้ลูกโดนแดดมั่งจะได้กระดูกแข็งแรง เอ้าเดินก็เดินฟะ เพื่อลูก แหมถ้าทางเดินชมวิวบ้านฉันมันราบตลอดก็คงดีอ่ะนะ แต่นี่บ้านฉันมางอยู่บนเขาน่ะดิ ทางเดินก็เลยขึ้นลงตลอดบางช่วงก้เป็นบันได บางช่วงก็ลาดชัน เหอ เหอ เหอ แม่นกจะผอมกว่าเก่ามั๊ยเนี่ยยยย
ป้ายกำกับ:
บันทึกถึงเจ้าตัวกลมแก้มป่อง
25 พฤษภาคม 2551
แรกพบนายตัวร้าย3
วันที่ 2 นั่นแหละ แม่ถึงป้อนนมเจ้าตัวร้ายได้ ดีนะว่ามีพยาบาลดูแลให้อ่ะ เพราะแม่เอาแต่หลับอย่างเดียว จนอาเจียนหลายเที่ยวจนหมดฤทธิ์ยาสลบนั่นแหละ หูยยยย ลูกชายชั้น มางถอดพ่อมางเลยนี่หว่า ผมสีอ่อนๆ หยองๆ 2ขวัญ จมูกโด่งเป็นปีกเนี่ย ยังจะคางอีก หูด้วย โหไม่ยอมเหมือนแม่เลย น้อยใจอ่ะ พ่อสามีตัวดีก็เห่อซ้าม่ายมีอ่ะ หน้าบานเชียว แบบได้ลูกชายคนแรกอ่ะ ที่กรีซนี่ถ้าลูกชายพ่อต้องเลี้ยงขนมเลี้ยงกาแฟเพื่อนๆ แต่ถ้าได้ลูกสาวเพื่อนๆก็จะมาปลอบใจว่าไม่เป็นไรเที่ยวเอาใหม่ให้ได้ผู้ชาย โห่ห่ ห่ ห่ เห็นผู้หญิงเป็นไรฟะนี่ อิ อิ อิ คือที่กรีซนี่ธรรมเนียมเค้าคือเวลาแต่งงานอ่ะฝ่ายหญิงต้องจัดเตรียมทุกอย่างทั้งบ้านเรือนหอ ค่าใช้จ่ายในงาน แต่พอแต่งแล้วผู้ชายมีหน้าที่ทำงานหาเลี้ยง แต่ปัจจุบันพวกผู้หญิงเค้ากำลังเปลี่ยนค่านิยมตัวนี้อยู่อ่ะ
มาเข้าเรื่องต่อ นายตัวร้ายลูกชายช้าน กินนมเสร็จมียิ้มให้อีกแน่ะ ไม่เบาแฮะ แต่ดีจังที่ช่วยกู้หน้าให้แม่ 555 แบบทั้งห้องนี่ เมฆเป็นผู้ชายคนเดียว แถมตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มทารกด้วยอ่ะ ส่วนแม่นกสีฟ้าอ่ะเหรอ อิ อิ อิ เป็นแม่ที่ตัวเล็กที่สุดเลย เหอ เหอ เหอ ก่อนท้องน้ำหนัก 37 ตอนใกล้คลอดนี่ 45 ขึ้นมา 8 โลแน่ะ
เมฆของแม่กินเก่งตั้งแต่เกิดเลยอ่ะ วันที่3 นี่เมฆก็กินนมหมดขวดที่เค้าจัดมาให้เลย ตั้ง60 มิลลิลิตรเชียวนะ แล้วเมฆก็อารมณ์ดีมั่กๆด้วยอ่ะม่าม๊า กะบ่าบ๊าเล่นด้วยนี่จะยิ้มตลอดเลย แถมอยู่โรงพยาบาลนี่ไท่ได้ยินเสียงร้องเมฆเลย แบบกินเสร็จ เล่น แล้วก็หลับ เอิ อิ อิ เลี้ยงง่ายจังลูกรัก ขอให้เป็นอย่างงี้ไปตลอดนะลูกนะ
ป้ายกำกับ:
บันทึกถึงเจ้าตัวกลมแก้มป่อง
23 พฤษภาคม 2551
เพราะเธอคือสายน้ำ
นานแล้วสินะ ที่ฉันห่างหายไปจากแวดลงของเพื่อนๆ ฉันก็เป็นอย่างนี้ประจำ เมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งฉันมักจะลืมเลือนสิ่งอื่นจนสิ้นแม้กระทั่งเพื่อน
เริ่มตั้งแต่เพื่อนสมัยวัยเรียนประถมที่สนิทกันมากอย่าง "ตาล"พอเวลาผ่านไปฉันวุ่นวายกับการเรียนที่สูงขึ้น จนห่างเหินการไปมาหาสู่ เมื่อฉันกลับไปที่บ้านของตาลอีกครั้งเกือบ10ปีให้หลัง ปรากฏว่าเค้าได้ย้ายไปแล้ว ฉันใช้เวลา ถึง2 ในการตามหาจนพบว่าครอบครัวของตาลย้ายไปอยู่ย่านบางบอน2 เมื่อฉันไปที่บ้านนั้นจึงได้รับคำตอบว่า ตาลแต่งงานกับชาวญี่ปุ่นและย้ายไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเสียแล้ว
แม้แต่ตอนที่ฉันทำงาน เมื่อฉันเปลี่ยนงานฉันสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่เสียจนลืมเลือนการติดต่อกับเพื่อนที่ไทยสกายทีวีจนสิ้น จนถึงตอนนี้เพื่อนหลายคนก้าวหน้าในหน้าที่การงานเห็นหน้าทางทีวีประจำ แต่ฉันก็ไม่ได้ติดต่อใครๆเช่นเดิม ฉันเลือกที่จะอยู่เงียบๆและมองเพื่อนๆของฉันผ่านงานของพวกเค้าต่อไป
และคราวนี้ฉันยังคงเหมือนเดิม ลืมเลือนเพื่อนเก่าๆเมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เพราะฉันต้องอยู่ไกลบ้าน อยู่ท่ามกลางคนที่พูดคนละภาษากับฉัน ฉันจึงใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับพวกเขา แล้วยังต้องคอยประคับประคองเจ้าตัวน้อยในครรภ์ให้ปลอดภัย จนถึงดูแลให้เติบโต ทำให้ฉันขาดการติดต่อเพื่อนๆไปนับปี
แม่สายน้ำของฉันจะเป็นยังไงบ้างนะ ชื่อของเธอหมายถึงธิดาหรือนางพญาแห่งท้องน้ำ ทว่าสายน้ำก็คือสายน้ำ บางคราเอื่อยรินไหลเติมความชุ่มชื่นให้ผืนดิน บางคราถาโถมโครมครืนดุจน้ำป่าหลากเชี่ยวรุนแรง ทว่าไม่ว่าจะแบบไหน เธอก็คือสายน้ำอยู่นั่นเอง บางครั้งนกสีฟ้าที่แสนจะใจน้อยอย่างฉัน ยังเคยน้ำตารินเพราะความคิดที่ว่าทำไมแม่สายน้ำไม่เข้าใจเรา และบางครั้งอีกเช่นกัน ที่นกสีฟ้าอย่างฉันกลายเป็นนกพญาไฟที่เผาผลาญผู้คนรอบข้างได้ด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่สายน้ำก็ยังคงเป็นสายน้ำ ที่อภัยให้ฉันเมื่อเวลาเธอเย็นลง เปลี่ยนจากน้ำป่ารุนแรงเป็น เป็นสายน้ำไหลรินให้เย็นใจ ฉันเองเมื่อเย็นลงก็เปลี่ยนจากนกพญาไฟกลับมาเป็นนกสีฟ้าเหมือนเดิมที่เข้าใจว่าธรรมชาติของสายน้ำ มีทั้งใสเย็นและรุนแรง เหมือนที่เธอเข้าใจนกสีฟ้าอย่างว่ามีทั้งความสุขร่าเริง และความเกรี้ยวกราด บางครั้งฉันหงุดหงิดในความหวาดกลัวบางอย่างของเธอ แต่เธอกลับไม่เคยหงุดหงิดหรือรำคาญในความหวาดกลัวของฉัน บางครั้งเธอกลับปลอบแบเสียด้วยซ้ำ มันทำให้ฉันได้คิดว่า ธรรมชาติของทุกคนย่อมมีความหวาดกลัวสิ่งหนึ่งสิ่งอยู่เสมอ ขอบคุณนะสายน้ำ ที่เวลาที่ผ่านมาเธอให้อภัยฉันเสมอและไม่หงุดหงิดหัวเสียกับความหวาดกลัวและเกลียดเจ้าสัตว์เลื้อยคลายขนปุยอย่างโอเวอร์ของฉัน หากเวลาที่ผ่านมา ถ้าฉันทำให้เธอเจ็บปวดด้วยคำพูดของฉันแล้วละก็ นกสีฟ้าคนนี้ต้องขอโทษสายน้ำด้วยนะ
16 พฤษภาคม 2551
เรือ เรือ เรือโดยสารในกรีซ
กลายมาเป็นชาวเกาะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองได้ปีกว่า จากที่เคยไม่ชอบไปไหนมาไหนทางเรือต้องเปลี่ยนมาใช้บริการทางเรืออย่างเลี่ยงไม่ได้ ยังดีที่เรือที่วิ่งที่นี่ลำใหญ่มากกกก เลยไม่ต้องห่วงเรื่องเรือจะล่ม หรือบรรทุกน้ำหนักเกินจนเรือจมหน้าร้อนนี่มีเรือวิ่งไปแผ่นดินใหญ่หรือเอเธนส์ทุกวัน บางวัน2-3รอบเลยแหละ แต่หน้าหนาวนี่แย่หน่อย อาทิตย์นึงจะมีเรือวิ่งแค่6วันเอง แถมบางทีเกิดคลื่นลมแรงนี่เรือหยุดวิ่งอีก อย่างดีก็เลื่อนเวลาจนกว่าคลื่นลมจะสงบ ซึ่งเจอบ่อยมากช่วงฤดูหนาวน่ะ ไม่ต้องแปลกใจอ่ะ ที่กรีซนี่เค้ามีมรสุมช่วงฤดูหนาวน่ะ ทั้งลมทั้งฝนเลยเชียว
พล่ามมานาน เข้าเรื่องดีก่า เรือที่วิ่งนี่ถ้าเป็นฤดูร้อนจะมีทั้งเรือเกลือ หรือเรือเฟอร์รี่ที่วิ่งช้ามากกก เรือสปีดทั้งหลาย ทั้งไฮสปีด สปีดรันเนอร์ และเรือไฮโดรฟลอยด์ ก็พวกฟลายอิ้งค์ดอลฟิน กะไฟล์อิ้งค์แคทนั่นแหละซึ่งพวกสปีดพวกไฟล์อิ้งค์นี่จะเร็วกว่าเรือช้าเท่าตัวทีเดียว สนนราคาก็แพงขึ้นมาอีก50เปอร์เซนต์ เกาะที่ฉันอยู่นี่ถ้าเรือเร็วจะใช้เวลา3 - 3.5ชั่วโมง ราคาจะอยู่ที่35-40 ยูโร แล้วแต่ประเภทเรือน่ะ ถ้าเป็นเรือช้าจะใช้เวลา6 ชั่วโมงราคาก็จะอยู่ที่24 ยูโร (อ้อลืมไปเกาะที่ฉันอยู่นี่ชื่อซิฟนอสน่ะอยู่ในทะเลเอเจียนกลุ่มคีคลาเดส) เรือช้าก็จะมีพวกจิออร์จิออส หรือพวกปานาเกียอะไรนี่แหละชื่อเต็มๆขี้เกียจจำ
เรือช้านี่ตัวจะมีทั้งตัวชั้นประหยัดกับตั๋วนอน ตั๋วชั้นประหยัดนี่จะไม่ใช้ ว่าอิโคโนมี่ แต่จะใช้คำว่าเดคก์ แล้วตามด้วยหมายเลขที่นั่งตามหมวดตัวอักษร ที่นั่งเค้าก็เก้าอี้หุ้มนวมธรรมด๊าธรรมดานี่แหละแต่ขอโทษนกสีฟ้าน่ะไม่ค่อยนั่งตามที่นั่งหรอก ไปนั่งในห้องอาหารแทนน่ะ โธ่ก็มันสบายกว่ากันนี่นะ โซฟาบุนวมนุ่ม ดต๊ะให้วางของ ดูทีวีไปทานอาหารไป หรือบางทีก็นอนมันที่โซฟานั่นแหละ อ้อไอ้ตั๋วชั้นประหยัดนี่ถ้าเป็นหน้าร้อนช่วงพีคนักท่องเที่ยวเยอะนี่เวลาซื้อตั๋วดูด้วยอ่ะ ถ้าไม่ระบุที่นั่งแปลว่าคุณต้องหาที่นั่งด้านนอกเอาเองตามสบาย แต่ก็ไม่มีปัญหาอ่ะนะ เพราะถ้าอากาศดีก็ชมวิวด้านนอกได้ ถ้าเบื่อก็เดินเข้าห้องอาหารสบายจะตายไ ป นอกจากตั๋วชั้นประหยัดแล้วก็เป็นตั๋วนอนราคาก็จะแพงกว่ากันเกือบเท่าตัวทีเดียว อันนี้ไม่แน่ใจนะว่าเค้าคิดที่25 ยูโร หรือตามระยะทาง เพราะว่านกสีฟ้าตีตั๋วจากเอเธนส์ถึงซิฟนอสน่ะ ปกติอยู่ที่24ยูโรน่ะ แต่พอเป็นตัวนอน จ่าย49 ยูโร ตั๋วนอนนี่ถ้าไปเดี่ยวก็ยึดเลย1ห้อง เพราะเค้าจะเป็นห้องนอนเตียงคู่ ห้องน้ำในตัวน่ะ นอนสบายที่ต้องตีตั๋วนอนก็เพราะมีนายเหนือเมฆมาด้วยนี่แหละม่ายงั้นไม่มีทางจ่ายเพิ่มหรอกน่า แบบว่างกน่ะ
ถ้าเป็นพวกเรือสปีดหรือไฮโดรฟลอยด์ ก็จะมีตั๋วชั้นประหยัดกับชั้นธุรกิจ ชั้นประหยัดก็เหมือนๆกันแหละเบาะนุ่มนั่งสบาย ไม่มีใครมาสูบบุหรี่กวนใจเพราะเค้าห้ามสูบในส่วนของที่นั่งโดยสารน่ะ ส่วนชั้นธุรกิจนี่ก็เป็นโซฟาบุนวมแล้วก็มีโต๊ะให้ เหมือนนั่งในห้องอาหารของเรือเฟอร์รี่ธรรมดานั่นแหละแตราคานี่แพงขึ้นมาเท่าตัวเลยทีเดียว
พูดถึงเรื่องสูบบุหรี่ คนกรีซนี่สูบบุหรี่กันเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียวทั้งหญิงทั้งชาย ส่วนใหญ่ในเรือนี่ส่วนของที่นั่งโดยสารจะห้ามสูบ จะสูบได้ก็บริเวณห้องอาหารแหละ แต่เรือปานาเกียที่วิ่งไปซันโตรินี่อ่ะ ในห้องอาหารเค้าจะมีโซนที่ห้ามสูบบุหรี่ กะโซนที่อนุญาติให้สูบได้แบบ นั่งหันหลังชนกันเลยหล่ะ เรานึกว่าจะมีแต่มุขในขายหัวเราะซะอีก มาเจอที่กรีซนี่เล่นเอาอึ้งไปเลย ฉะนั้นถ้ามาเทียวกรีซ ก่อนจะหันไปต่อว่าคนที่สูบบุหรี่กรุณาดูให้ดีๆก่อนน่ะว่าเค้านั่งตรงป้ายสูบได้หรือห้ามสูบ
12 พฤษภาคม 2551
แรกพบนายตัวร้าย2
สำหรับฉันแล้วการจะมีลูกสักคนไม่ใช่เรื่อง่าย นายตัวกลมแก้มป่อง"เหนือเมฆ"นี่จึงเสมือนของขวัญจากพระเจ้าสำหรับฉันเลยทีเดียว
ก็แหม ขนาดหมอที่ดูแลกันมาตั้งแต่แรกยังขอถอนตัวเมื่ออายุครรภ์ฉันได้ 7 เดือน เลยด้วยเหตุผลที่ว่า "ผมไม่สามารถรับผิดชีวิตของคุณและลูกในครรภ์ของคุณได้ คุณคงต้องไปหาแพทย์คนใหม่ที่สามารถดูแลคุณได้แล้วหล่ะ" เหอ เหอ เหอ คุณหมอเล่นมาบอกกระชั้นชิดแบบนี้เนี่ยนะ ฉันจะไปหาหมอที่ไหนได้ทันฟะ สรุปว่าฉันต้องไปติดต่อทำประวัติใหม่ที่เคาเตอร์ เหมือนกับว่าฉันเพิ่งก้าวเข้ามาที่โรงพยาบาลนี้เลยเทียวหล่ะ โรงพยาบาลเอเลน่านี่เป็นของรัฐบาลเป็นโรงพยาบาลสำหรับแม่และเด็ก และที่นี่ก็เหมือนโรงพยาบาลของรัฐทั่วไปในกรีซนี่แหละ ที่ขั้นตอนแต่ละขั้นตอนชักช้า มาก ชนิดที่ว่าใครบ่นระบบการทำงานของโรงพยาบาลรัฐในเมืองไทยแล้วพอมาเจอที่กรีซนี่จะเห็นว่าโรงพยาบาลเมืองไทยนี่ชั้นหนึ่งเรื่องการบริการไปเลยแหละ
และแล้วฉันก็กลับไปหาคุณหมอ อนาสตาซิออส หมอที่ทำการอัลตราซาวน์ลูกในครรภ์ฉันและทำ อัลฟ่าเทสต์ วิคต้าเทสต์ให้ฉัน อ้อที่โรงพยาบาลเอเลน่าเนี่ยเค้าให้ไปทำอัลตราซาวน์ที่คลีนิคของเอกชนน่ะเพราะที่โรงพยาบาลเครื่องความถี่น้อย ฉันติดต่อให้คุณหมออนาสตาซิออส หรือคุณหมอดาโซสดูแลฉันแทน ซึ่งคุณหมอก็ไม่ปฏิเสธได้แต่บอกว่าฉันควรจะหาคนที่มีเลือดตรงกันสัก 2 มาคอยบริจาคเลือดให้หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในการคลอด แล้วฉันก็ได้ย้ายจากโรงพยาบาลเอเลน่าไปโรงพยาบาลมีเต๊ร่ะ ซึ่งแปลว่าแม่ แทนเพราะคุณหมอเค้ามีคอนแทคกับโรงพยาบาลมีเต๊ร่ะ ตกลงราคาในการทำคลอดกันเรียบร้อย อ้อที่กรีซเนี่ยหมอที่ทำการรักษาน่ะคนไข้จ่ายต่างหากนะทั้งรัฐบาลและเอกชน คุณหมอเรียกที่1500 ยูโร เหอ เหอ เหอ ถูกกว่าที่เอเลน่า 500 ยูโร ที่นั่นเรียก 2000 ยูโรอ่ะ ไม่เกี่ยวกับโรงพยาบาลนะ ค่าโรงพยาบาลจ่ายต่างหาก ถ้าต้องผ่าตัดจ่ายเพิ่ม100 ยูโร ที่ ร.พ.มีเต๊ร่ะนี่เค้าเป็นแพคเก็ตอ่ะ คืนแรก ห้องคู่ คืนที่2-4เป็นห้อง 4 เตียง เรื่องลูกไม่ต้องห่วงมีคุณหมอและพยาบาลดูแลต่างหากตลอด อันนี้จ่ายเพิ่มของลูกอีกวันละ30ยูโรน่ะ แต่ค่าโรงพยาบาลกับค่าใช้จ่ายของลูกนี่ไม่เป็นไรเบิกประกันได้ ส่วนจะได้เท่าไหร่ก็แล้วแต่ชนิดของประกัน บางชนิดสามารถเบิกส่วนที่จ่ายให้คุณหมอได้ด้วย บางชนิดได้ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลทั้งหมดยกเว้นที่จ่ายหมอ แต่ของฉันประกันเป็นโอก้า ซึ่งเป็นประกันของนายจ้าง ถ้าใช้ภายในมณฑลจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่นี่ฉันคลิดที่เอเธนส์ซึ่งคนละมณฑลกันจึงได้คืนเพียงแค่ค่ายาในบางส่วนกับทางประกันสังคมช่วยค่าโรงพยาบาล500ยูโร ซึ่งก็ยังดี สำหรับเรื่องประกันสังคมแล้วฉันเห็นว่าที่กรีซนี่ดีกว่าของเมืองไทยเยอะ เพราะฉันเคยใช้บริการประกันสังคมในเมืองไทยจึงทราบซึ้งเป็นอย่างดี ที่นี่ คุณจะจ่ายเงินซื้อยาเอง หรือใช้ประกันสังคมซื้อก็จะได้ยาตัวเดียวกัน เพราะโรงพยาบาลกับคุณหมอที่เขียนใบสั่งยาให้ไม่เกี่ยวข้อง หมอจะเขียนใบสั่งยาลงในเล่มประกันสังคมแล้วถือเล่มนั้นไปซื้อที่ร้านขายยาก็จะได้ยามาโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก ที่นี่ในโรงพยาบาลไม่มียานะเค้าจะให้คุณไปซื้อข้างนอกเอง ยกเว้นที่เข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนั่นแหละที่ไม่ต้องออกไปซื้อเอง พอถึงเวลาเช็คเอาต์เค้าจะมีรายการยาวเป็นหางว่าวมาให้คุณเลยว่าใช้ยาอะไรกับคุณบ้างเท่าไหร่ แล้วเราก้เอาใบนั้นแหละไปเบิกเงินคืนกับสำนักงานประกันสังคมอีก
นอกเรื่องไปยาวเลย กลับมาสรุปที่ พ่อสามีสุดที่รัก ตกลงกะคุณหมอเรียบร้อยเลยว่าจะผ่าตัดเราแบบให้เราสลบไปเลยซึ่งจะปลอดภัยสำหรับกรณีของนกสีฟ้ามากกว่าวิธีบล็อกหลัง พอถึงวันนัดทำคลอด พ่อสามีก้พาเราไปที่โรงพยาบาลมีเต๊ร่ะเลย ไปถึงก็บอกมาคลอดเป็นคนไข้ของคุณหมอคนนี้ คนี้ เท่านี้เองอ่ะ ไม่ต้องกรอกอะไรมากมาย ไม่ต้องรอด้วย ส่งเราเข้าห้องตรวจทำความสะอาดและรอเข้าห้องผ่าตัดเลย ส่วนเรื่องเอกสารเรื่องอื่นๆอ่ะสามีจัดการ ชอบการทำงานของโรงบาลเอกชนที่นี่จังอ่ะ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งหมอ ทั้งพยาบาลสุภาพดีจัง แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐที่เจอมา ก็พอกะของไทยแหละ
ป้ายกำกับ:
บันทึกถึงเจ้าตัวกลมแก้มป่อง
17 เมษายน 2551
ขอบคุณมือที่สาม
คนจะไปก็คือจะไป ใครจะไปห้ามได้ เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่ย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตัวเอง ฉันเองก็เข้าใจดีถึงข้อนี้ รวมถึงความรับผิดชอบ สามัญสำนึกของคนที่ไม่เท่ากัน การที่คนสองคนจะเลิกกันหรือใครคนใดคนหนึ่งจะหันไปมีคนใหม่มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ฉันเองก็พร้อมที่จะเลิกลาหากอีกฝ่ายเอ่ยขอแยกทาง แต่หลายครั้งหลายหนพ่อเจ้าประคุณไปกุ๊กกิ๊ก จุ๊กจิ๊กกะสาวอื่น แล้วก็บอกเราว่าไม่มีอะไรแค่พวกสาวรักสนุกขึ้นเตียงแล้วก็แล้วไป บางคนมีสามีอยู่ด้วยซ้ำ จนมาถึงแม่พยาบาลสาว ไม่สิตอนนี้ต้องเรียกเธอว่าแพทย์หญิงแล้วหล่ะเพราะเธออัพเกรดตัวเองเรียบร้อยแล้วนี่นา
จริงๆแล้วฉันต้องขอบคุณแพทย์หญิงคนนี้มาก ที่ช่วยให้ฉันตัดสินใจเลิกกับอดีตคนรักได้ เพราะความที่เธอร้ายกาจเหลือเกินโทรด่าเรา โทรด่าแม่เราซะจนช็อก แถมยังราวีผู้หญิงคนอื่นๆโดยใช้ชื่อเราอีกแสบมั่กๆ อะไรก็ไม่เท่ากะคูณเธอโทรด่าเราขณะเราอยู่กะแฟน พอเราส่งโทรศัพท์ให้แฟนฟังเสียงว่าใช่ไหม เค้าก็ยอมรับว่าใช่ แต่พอหลังจากนั้น เรากลับโดนแฟนว่า หาว่าโทรไปหาเค้าหลายหนจนเค้าต้องโทรกลับ ทั้งๆที่วันนั้นทำงานอยู่ด้วยกัน 5-6 ชั่วโมงก็เห็นๆอยู่ว่าเราเอาโทรศัพท์เสียบไว้ที่กระเป๋ากล้องตลอดจะไปโทรได้ตอนไหนฟระ นอกจากนี้ยังมีจดเหมายปริศนาส่งไปด่าสาวๆทั้งหลายที่พ่อเจ้าประคุณคั่วอยู่ โดยลงชื่อเราฟ่ะ แถมด้วยเบอร์โทรเราด้วย ผลคือเราโดนโทรศัพท์มาด่าตรึมเลย อิ อิ อิ ตอนนั้นกาลังบวชพราห์มอยู่ที่วัดโพธิ์ทัยมณีเพชรบุรีด้วย เราก็แคย้อนถามคนที่โทรด่าเราแหละว่าถ้าเราจดหมายไปด่าเค้าน่ะเราจะใส่ชื่อใส่เบอร์โทรเราให้โทรกลับมาด่าเราทำไม แถมบางคนฉันเพิ่งจะรู้ว่าเค้าเป็นกิ๊กกะแฟนก็ตอนที่เค้าโทรมาด่านี่แหละ 555
พูดง่ายๆว่า ตั้งแต่แม่คนนี้ก้าวเข้ามา ฉันกลายเป็นนางมารร้ายขาวีนไปโดยไม่รู้ตัวเลย แล้วตั้งแต่คุณเธอมาแทรกระหว่างกลางนี่ ฉันเลิกกะแฟนไม่รู้กี่หนเพราะทนที่เค้าจัดการกับแม่สาวนี่ไม่ได้นั่นแหละแต่ใจอ่อนยอมให้อภัยทุกคนั้งที่เค้ากลับมาง้อ เฮ้อว่าแต่คนอื่นแต่ตัวเองก็ใจอ่อนเหมอนกัน ครั้งสุดท้ายฉันทนไม่ได้ ออกปากกับแม่สาวนั่นเลยว่าถ้าอยากได้นักฉันบริจาคให้ก็ได้ เวลาผ่านไปเป็นปี พ่อคุณก็ตามไปง้อฉันถึงทางใต้ เกือบใจอ่อนแล้วหล่ะ แต่ฉันก็ให้ได้แค่เป็นเพื่อนแล้วช่วยงานเค้าเหมือนเดิม (เพิ่งนึกได้ ค่าแรงคนงานเรียงโปสการ์ด กะค่าพวงกุญแจที่ออกไปให้ก่อน9พันก่าๆ ยังไม่ได้คืนเลยนี่หว่า)
ยังไงก็ฝากขอบคุณพยาบาลสาวที่ตอนนี้เป็นแพทย์หญิงไปแล้วด้วยนะค๊า เพราะถ้าตอนนั้นไม่มีความร้ายกาจของคุณ ฉันคงไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนในตอนนี้อย่างแน่นอน
31 มีนาคม 2551
บทเรียนการโกงจากคนจริงเมืองนคร
บทเรียนการถูกโกงจากคนจริง ทำไมถึงว่าจากคนจริงน่ะหรือ เพราะคนกลุ่มนั้นมักประกาศกับใครต่อใครว่าเค้าเป็นคนจริงกล้าทำกล้ารับน่ะสิ นั้นคือภาพที่สร้าง แต่ความเป็นจริงเจ้าตัวก็คงรู้อยู่แก่ใจ เพราะถ้าเป็นคนจริงแล้วคงไม่ขายศักดิ์ศรีตัวเองด้วยเงินแค่หลักหมื่นหรอกน่า ประกาศตัวว่าเป็นนักอนุรักษ์รักธรรมชาติ แต่ก็แค่ภาพที่สร้างเพื่อผลทางธุรกิจอยู่ดี
ฉันคงปล่อยให้เรื่องของคนดกงมันผ่านเลยไปเฉยๆหลังจากที่ ฉันทำบุญถวายสังฆทาน จุดธูปกรวดน้ำกลางแจ้งวันนั้นฉันกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "หากฉันเคยไปเอาหรือไปโกงคนพวกนั้นมา ไม่ว่าชาติใด บัดนี้ฉันได้ชดใช้แล้วด้วยเงินจำนวนนั้น แต่หากว่าฉันไม่เคยเอาของเขามาหรือโกงพวกเขามา แล้วล่ะก็ ความโชคร้าย ภยันตรายใดใด ความเจ็บปวดป่วยไข้ทั้งปวง อันจะเกิดแก่ฉันในชาตินี้ ขอให้พวกเขาเหล่านั้นรับไปแทนฉันตามสัดส่วนของแต่ละคน เพื่อขอให้จบในชาตินี้ไม่ต้องให้พวกเขาตามไปชดใช้ฉันในชาติหน้า และไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ขออย่าให้เส้นทางของพวกเขาเหล่านั้นมาบรรจบกับเส้นทางของฉันได้อีก" ทำไมฉันถึงทำขนาดนั้นน่ะหรือ เพราะว่าฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีทางได้เงินคืนจากพวกเขา เพราะเค้าได้บอกคนอื่นๆว่าฉันไม่ต้องการเงินคืนเค้าจึงจะเอาเงินจำนวนนั้นไปทำบุญพร้มทั้งส่งเมลหาฉันว่าจะนำเงินและของของฉันไปทำบุญ ฉันจึงได้โทรศัพท์หาผู้หญิง เมื่อฉันบอกว่าหากจะเอาเงินฉันไปทำบุญให้ฉันแทนที่จะคืนฉัน ฉันก็ขอเป็นฝ่ายระบุว่าจะให้นำเงินไปบริจาคที่ใดบ้าง ฝ่ายผู้หญิงในกลุ่มนั้นจึงบอกกับฉันว่า "พี่มันก็แค่จดหมายชี้แจงในที่ประชุม กับเมลบอกสมาชิกน่ะ จริงๆแล้วจะทยอยคืนให้พี่เดือนละ1000 " แต่ฉันไม่เคยเห็นเงินจำนวนที่ว่าจะทยอยส่งคืนแม้แต่สตางค์เดียว ฉันถึงได้ทำบุญกรวดน้ำให้ ซึ่งมันก็น่าจะจบลงได้ แต่ทว่า ตลอดเวลาปีกว่ามานี่ ฉันได้รับการบอกเล่าจากเพื่อนเดินป่าหลายๆคนว่าพวกเค้ายังคงพูดถึงฉันในทางไม่ดีอยู่เสมอ รวมทั้งบอกใครๆว่า คืนเงินให้ฉันหมดแล้ว
ฉันคงต้องทำบุญกรวดน้ำอีกครั้งกระมัง ตอนนี้ฉันได้แต่ทำใจว่าช่างเขาถือซะว่าทำบุญถ้าหากการพูดถึงเราในทางร้ายจะทำให้พวกเค้าดูดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรฉันก็ต้องขอบคุณพวกเขาที่ทำให้ฉันรู้ว่า คนที่ชอบประกาศตัวว่าเป็นคนดีคนจริงนี่แหละที่เราต้องระวังให้ดี
18 มีนาคม 2551
บ่นเรื่องขยะล้นกะของแพง
วันนี้นกสีฟ้าพลัดถิ่นอย่างฉัน ยังคงพำนักอาศัยอยู่ในประเทศกรีซ ทวีปยุโรปทวีปที่บางคนใฝ่ฝันอยากใช้ชีวิตอยู่ในประเทศแถบนี้ แต่สำหรับฉันแล้วหัวใจฉันยังคงร่ำร้องกลับไปอยู่เมืองไทยแผ่นดินที่ฉันเกิดและเติบโตมาจนเกือบครึ่งชีวิต หลายคนมองว่าฝรั่งนั้นเจริญ อะไรๆก็ฝรั่งดีจนถึงขนาดทำเลียนแบบตามก้นฝรั่งกันเลยทีเดียว ฉันกลับมองเห็นว่าฝรั่งหรือไทยก็ไม่เห็นจะแตกต่างกันอย่างไร มีคนฉลาด มีคนโง่ มีคนเอื้อเฟื้อ แล้วก็มีคนมักง่ายเห็นแก่ตัวเช่นกัน
วันนี้ในกรุงเอเธนส์ยังคงมีขยะกองท่วมเป็นภูเขาเลากาตามจุดต่างๆ เหตุจากการหยุดงานประท้วงเพื่อขอขึ้นเงินของพนักงาน ที่นี่มีประท้วงเพื่อขอขึ้นเงินกันเรียกได้ว่าเกือบเป็นกิจวัตรแทบทุกเดือน ไม่หน่วยงานใดก็หน่วยงานหนึ่ง ก่อนหน้านี้หลายพื้นที่ในกรุงเอเธนส์ไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่นับสัปดาห์ เนื่องจากพนักงานหยุดงานเพื่อขอปรับเงินขึ้น ตอนนี้ไฟฟ้าได้รับการแก้ไข ยังคงเหลือแต่เรื่องของขยะนี่แหละ ดีนะที่ช่วงนี้เป็นปลายฤดูหนาวยังไม่มีแมลงวันมากนัก ถ้าเป็ฤดูร้อนแมลงวันคงร่าเริงเต็มกรุงเอเธนส์ สาเหตุของการประท้วงก็คืออาหารแพงสินค้าอุปโภคบริโภคขยับตัวสูงขึ้นทุกวัน เงินเดือนที่เคยได้รับไม่พอกับการครองชีพจึงต้องขอปรับเงินเดือนขึ้น เมื่อค่าแรงขยับขึ้น ราคาสินค้าก็ขยับตาม ยิ่งตอนนี้ราคาน้ำมันขยับขึ้นตามการอ่อนตัวของค่าเงินดอลล่าร์ ข้าวของก็ขึ้นราคาตามบางอย่างเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว โดยอ้างว่าค่าขนส่งเพิ่มขึ้น
คนอยู่เกาะอย่างฉันถึงไม่ต้องผจญชะตากรรมอย่างคนในเมืองหลวงมากนัก เพราะมีพื้นที่สามารถเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เพื่อทานเองได้บ้าง ไม่เหมือนคนในเมืองหลวงที่ทุกอย่างต้องซื้อเป็นเงินไปเสียหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลกระทบไปด้วย เพราะหลายๆอย่างเรายังต้องซื้อกินซื้อใช้ ซึ่งราคาจะแพงกว่าราคาที่ขายในกรุงเอเธนส์มาก บางอย่างราคาแพงกว่ากันเท่าตัวเลยทีเดียว และช่วงฤดูร้อนปีนี้ ฉันทราบมาจากเอเยนต์ที่ขายตั๋วเรือว่าจะมีการปรับราคาค่าโดยสารเรือขึ้นจากเดิม5-10ยูโรเลยทีเดียว หลายคนวิตกกันอยู่ว่าค่าอาหาร ที่พัก และค่าโดยสารที่ปรับขึ้นอย่างมากนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาพักกันสักเท่าใด หากนักท่องเที่ยวน้อยนั่นหมายถึงผลกระทบอย่างหนักเพราะรายได้หลักของเราหลายคนอยู่กับนักท่องเที่ยว เพราะถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวผู้ประกอบการที่พักร้านอาหารจะขายใคร ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ปลุกพืชถ้าไม่นักท่องเที่ยวก็คงไม่มีร้านค้าร้านอาหารรับซื้อพืชผักและเนื้อสัตว์เช่นกัน ฉันก็ไม่รู้นะว่า การที่ข้าวของทุกอย่างแพงขึ้นน่ะ มันเป็นเพราะค่าเงินดอลล่าร์ที่อ่อนตัวทำเอานำมันแพงเป็นประวัตฺการณ์ หรือเพราะการบริหารประเทศกันแน่ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไหน ผู้หญิงต่างชาติตัวเล็กๆฉัน ก็ไม่กล้าวิจารณ์อยู่ดีนั่นแหละ
14 มีนาคม 2551
ดอกไม้จากป่าฝนเขาหลวง1
เขาหลวงก็คือเขาหลวง เขาหลวงทรัพย์แผ่นดินอันมีค่า ที่มิใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน เขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวง นครศรีธรรมราช มีพรรณไม้มากมาย สำหรับเราแล้วเขาหลวงเสมือนอุทยานดอกไม้ที่มีผลัดเลี่ยนหมุนเวียนให้ชมตลอดปีทีเดียว ครั้งสุดท้ายที่ได้ไปเดิน เป็นการเดินข้ามปีเลยทีเดียว ก็เริ่มเดินจาก 31 ธันวา 2006 ลงจากเขาอีกทีก็ 2 มกรา 2007นี่นา จะไม่เรียกว่าข้ามปีได้อย่างไร งานนี้ต้องขอบคุณกลุ่มผู้นำทางนายบ่าวและเพื่อนๆชาววังลุง กับพี่สมจิตร จู และเพื่อนร่วมทางอีกหลายคน(นึกชื่อไม่ออกอ่ะ โทษที) ที่ทำให้เราได้เดินชมดอกไม้สวยและทิวทัศน์อันงดงามของเขาหลวง อย่างครื้นเครงและมีความสุข
แม่นางดอกนี้ เราพบช่วงปีใหม่น่ะ ฤดูอื่นไม่พบอ่ะ อาจจะมีแต่เราไม่เจอก็ได้
บีโกเนีย
ลิ้นมังกร







05 มีนาคม 2551
แรกพบเจ้าตัวร้าย
เกิดมาเป็นตัวเป็นตน จนอายุจะปาเข้าไปเลข 4 ก็เพิ่งมีโอกาสได้เป็นแม่คนกะเค้านี่แหละ 8 เดือนสำหรับการประคับประคองเจ้าตัวน้อยให้อยู่ในพุงโตๆ ตะแรกก็ว่าจะให้อยู่สัก 9 เดือนแหละ แต่นายตัวแสบคงอยากออกมาดูโลกเต็มทน เลยแสดงฤทธิ์ ยันชายโครงแม่ด้วยเท้าจนระบม แถมเจ้าตัวแสบยังจะโตเร็วซะจนหมอบอกว่าต้องรีบผ่าออกรอครบ 40 สัปดาห์ไม่ได้ นายเหนือเมฆตัวกลมๆ แก้มป่องๆของแม่เลยออกมาดูโลกในสัปดาห์ที่37
เพิ่งจะออกจากห้องคลอดมาพักฟื้นได้ไม่กี่ชั่วโมง คุณสามีก็จับตัวอะไรก็ม่ายรุเขียวๆแดง หน้าตายับย่นยังกะตัว E.T. ในหนังที่เคยดูตอนเด็กๆเลย แถมยังทำตาปริบๆ แบบสโลว์ด้วยอ่ะ ปากก็กระจิดเดียว ทำเป็นส่งเสียง อ้อแอ้ อ้อแอ้ ทักทาย ประมาณว่าหวัดดีคับแม่ป๋มออกมาแล้วนะ เหอ เหอ เหอ นี่ลูกฉันเหรอเนี่ย ถ้าทางโตขึ้นจะพูดมากน่าดู เราก็เลยทักทายตอบไปว่ามาเฟีย แล้วก็สลบต่อ คร่อกกกก
ป้ายกำกับ:
บันทึกถึงเจ้าตัวกลมแก้มป่อง
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)





